Wicked: กวาดรายได้ถล่มทลาย! ขึ้นแท่นภาพยนตร์ดัดแปลงจากเวทีบรอดเวย์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล

Wicked: กวาดรายได้ถล่มทลาย! ขึ้นแท่นภาพยนตร์ดัดแปลงจากเวทีบรอดเวย์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล

เพียงแค่ 8 วันหลังจากเปิดฉาย ภาพยนตร์มิวสิคัลเรื่อง *Wicked* ก็สร้างปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์บนจอเงิน กวาดรายได้ทะลุเป้าจนกลายเป็นภาพยนตร์ดัดแปลงจากเวทีบรอดเวย์ที่ทำเงินสูงสุดในอเมริกาเหนือตลอดกาล! ผลงานการกำกับของ จอน เอ็ม. ชู สามารถเอาชนะความคาดหวังและหลีกเลี่ยงกับดักที่ภาพยนตร์มิวสิคัลหลายเรื่องเคยพลาดพลั้ง ดึงดูดทั้งแฟนพันธุ์แท้ของเวอร์ชั่นละครเวทีและผู้ชมหน้าใหม่ให้ตกหลุมรักเรื่องราวก่อนหน้าเรื่อง *The Wizard of Oz* อย่างไม่น่าเชื่อ

เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 *Wicked* ทำรายได้เปิดตัวสุดอลังการถึง 114 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เอาชนะ *Gladiator II* ได้อย่างขาดลอย และภายในเวลาเพียงแค่ 8 วัน ก็ทำลายสถิติรายได้ของ *Grease* (โดยไม่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ) ที่ทำเงินไว้ 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นแท่นแชมป์ใหม่ แม้ว่าจะยังเป็นไปได้ยากที่ *Wicked* จะทำรายได้สูงกว่า *Beauty and the Beast* เวอร์ชั่นคนแสดงของดิสนีย์ ซึ่งทำรายได้ไปกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่การเอาชนะภาพยนตร์มิวสิคัลชื่อดังอย่าง *The Greatest Showman*, *Les Miserables*, และ *Mamma Mia!* ก็ถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งแล้ว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความล้มเหลวของภาพยนตร์มิวสิคัลเรื่องอื่นๆ เช่น *Cats*, *West Side Story* เวอร์ชั่นรีเมคของสตีเวน สปีลเบิร์ก และ *In The Heights* ของจอน เอ็ม. ชู เอง ที่เคยสร้างความผิดหวังมาก่อน และกำลังจะแซงหน้า *Wonka* ปีที่แล้วที่ทำรายได้ไป 218 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกด้วย

นอกจากความสำเร็จทางด้านรายได้แล้ว *Wicked* ยังได้รับคำวิจารณ์ทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชมในแง่บวก แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เล็กน้อยเกี่ยวกับการแบ่งเรื่องราวออกเป็นสองภาคและจังหวะของเรื่อง แต่การแสดงอันทรงพลังของ ซินเธีย เอริโว และ อาริอานา กรานเด ในบทบาทของ เอลฟาบา และ กลินดา ก็ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ช่วยให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้อย่างกว้างขวาง

*Wicked* เล่าเรื่องราวเบื้องหลังที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนของ เอลฟาบา และ กลินดา สองพลังตรงข้าม คือความดีและความชั่วร้ายในดินแดนออซของ แฟรงค์ แอล. บอม ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้พลิกบทบาทตัวละคร เปลี่ยนแม่มดใจร้ายแห่งตะวันตกให้กลายเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจและเข้าใจผิด โดยดัดแปลงจากละครเวทีและขยายเรื่องราวจากนวนิยายของเกรโกรี่ แม็กไกวร์ สร้างเป็นภาพยนตร์มหากาพย์ความยาว 160 นาที จบลงด้วยเพลงไพเราะทรงพลัง “Defying Gravity” ทิ้งให้แฟนๆ ต้องรอคอยการมาถึงของภาคต่อในปีหน้าอย่างใจจดใจจ่อ

แม้ว่าจะเสียตำแหน่งแชมป์รายได้ให้กับ *Moana 2* ของดิสนีย์ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งทำรายได้ทะลุ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ และทั้งสองเรื่องก็ช่วยกระตุ้นวงการภาพยนตร์ให้คึกคักขึ้นในช่วงปลายปี ด้วยภาพยนตร์ที่กำลังจะฉายอีกหลายเรื่อง เช่น *Sonic the Hedgehog 3* และ *Mufasa: The Lion King* ปี 2567 จึงนับเป็นปีที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ พิสูจน์ให้เห็นว่าประสบการณ์การชมภาพยนตร์ในโรงยังคงมีความสำคัญ หากมีภาพยนตร์คุณภาพดีออกมา

ที่มา : movieweb.com

ก่อนหน้า เปิดหน้ากากตำนาน! เผยเบื้องหลังชีวิต “เลเธอร์เฟซ” ในสารคดี Dinner with Leatherface
ถัดไป “เอมิเลีย เปเรซ”: เพลงรัก เพลงแค้น และเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนเส้นทางการเป็นตัวแทนคนข้ามเพศ