“หมอกมรณะ”: ความสยองขวัญสะท้อนความโหดร้ายของมนุษย์

"หมอกมรณะ": ความสยองขวัญสะท้อนความโหดร้ายของมนุษย์

ภาพยนตร์ “หมอกมรณะ” (The Mist) จากผลงานเขียนของสตีเฟ่น คิง ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายของเขาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และมีจุดจบที่ชวนสะเทือนอารมณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถรับชมได้ฟรีบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Tubi ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป

เรื่องราวใน “หมอกมรณะ” พาเราย้อนกลับไปหลังพายุฝนที่รุนแรงถล่มเมืองบริดจ์ตัน รัฐเมน David Drayton และครอบครัวของเขาตัดสินใจไปหาซื้อเสบียงที่ซูเปอร์มาร์เก็ต แต่แล้วพวกเขาก็พบว่าตัวอาคารถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ ไม่นานพวกเขาก็ค้นพบว่ามีสิ่งมีชีวิตประหลาดน่ากลัวซุ่มซ่อนอยู่ในหมอก แต่ภัยอันตรายไม่ได้มาจากสัตว์ประหลาดเหล่านั้นเพียงอย่างเดียว

Frank Darabont ผู้กำกับได้ดัดแปลงเรื่องราวจากนวนิยายของสตีเฟ่น คิง ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1980 เขาได้ปรับเปลี่ยนจุดจบของเรื่องในภาพยนตร์ให้แตกต่างจากต้นฉบับ โดยการให้ David Drayton ผู้เป็นพ่อฆ่าลูกของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อของสัตว์ประหลาดในหมอก จุดจบของเรื่องจึงเป็นการสะท้อนถึงความโหดร้ายและความสิ้นหวังของมนุษย์ในยามวิกฤต

ความเจ็บปวดจากจุดจบของภาพยนตร์นี้ไม่ได้เกิดจากภาพสยองขวัญของสัตว์ประหลาด แต่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ด้วยกันเอง การตัดสินใจที่โหดร้ายของ David Drayton เพื่อปกป้องครอบครัวของเขา นำไปสู่ความเจ็บปวดและความผิดหวังที่ไม่มีวันลบล้าง

“หมอกมรณะ” เป็นภาพยนตร์ที่ตราตรึงใจผู้ชมและสร้างการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยวกับจุดจบของเรื่อง บางคนมองว่ามันเป็นการแสดงความสิ้นหวังและความไร้ประโยชน์ของการต่อสู้ ในขณะที่บางคนมองว่ามันเป็นการสะท้อนถึงความจริงอันโหดร้ายของชีวิต ไม่ว่าคุณจะมองจุดจบของเรื่องนี้ในมุมไหน “หมอกมรณะ” เป็นผลงานศิลปะที่ทำให้ผู้ชมต้องไตร่ตรองเกี่ยวกับความโหดร้ายของมนุษย์และความสิ้นหวังที่อาจเกิดขึ้นในยามวิกฤต

ที่มา : movieweb.com

ก่อนหน้า Transformers One: รีบูตเต็มรูปแบบหรือแค่เล่นตุกติก?
ถัดไป 10 ฉากเด็ด! ย้อนรอยความมันส์ของ “กัปตันอเมริกา” ในจักรวาลมาร์เวล