The age of shadows เดี๋ยวนี้ต้องยอมให้กับเกาหลีเขาจริงๆในเรื่องของการทำหนัง เพราะแต่ละเรื่องที่เขาฉายในบ้านเราเดี๋ยวนี้นั้นไม่ธรรมดา ทั้งยังได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามมาตลอด และอีกหนึ่งเรื่องที่อยากแนะนำคือ The age of shadows ของผู้กำกับ คิมจีวุน ที่เปิดตัวในงานเทศกาลหนังเวนิสของอิตาลี อีกทั้งยังเป็นหนังเกาหลีที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาหนังต่างประเทศอีกด้วย แน่นอนว่ามันย่อมไม่ธรรมดา และเป็นอีกหนึ่งหนังที่น่าสนใจมากจากเกาหลี
เมื่อต้องเลือกระหว่างหน้าที่และความถูกต้อง ความดราม่าจึงบังเกิดใน the age of shadows หนังเกาหลีใต้ ย้อนยุคที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกย้อนสู่อดีตอันหดหู่ของเกาหลีในช่วงที่ถูกญี่ปุ่นยึดครอง การต่อสู้ของพวกเขา อิสรภาพ ความเสียสละ จะถูกผีแผ่จากหนังองประวัติศาสตร์เรื่องนี้ ด้วยผลงานการกำกับของผู้กำกับคนเก่งอย่าง คิมจีวุน และ the age of shadows คือผลงานเต็มเรื่องล่าสุดของเขา และได้กงยู นักแสดงชายชื่อดังมารับบทเด่นในเรื่องนี้ ผลงานล่าสุดของเขาคือ ดูหนังเรื่อง Train to Busan และนักแสดงมากฝีมืออย่าง ซองคังโฮ มาร่วมประชันบทบาท ที่จะให้ความตื่นเต้นระทึก ดราม่าสุดเข้มข้นบาดใจ ในแบบที่ผู้ชมเข้าถึงและเข้าใจในอารมณ์ของตัวละครอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
The age of shadows กับเนื้อเรื่องที่น่าติดตามดูหนัง
The Age of Shadows เล่าถึงแง่มุมการต่อสู้ของคนกลุ่มหนึ่ง ในช่วงการเข้ามาปกครองเกาหลีของญี่ปุ่นในยุคเรืองอำนาจ เมื่อญี่ปุ่นชนะสงครามรัสเซีย ญี่ปุ่นกลายเป็นมหาอำนาจโลกตะวันออกและแผ่ขยายอิทธิพลกว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ และเกาหลีก็ไม่พ้นจากการครอบครองจากญี่ปุ่น การเข้ามาของญี่ปุ่นทำให้คนเกาหลีรับไม่ได้ และราชวงศ์ถูกล้มล้าง ช่วงปี ค.ศ. 1920 เมื่อคนเกาหลีถูกริดรอนเสรีภาพที่เคยมีไปทั้งหมด ผู้คนต่างสิ้นหวังและหมดหนทางต่อสู้ ชนชั้นนำทั้งหลายก็พากันเอาตัวรอด ชาวบ้านก็ลำบากยากจนหนักเข้าไปอีก เมื่อถูกบีบคั้นด้วยสภาวะที่ไม่เป็นปกติเช่นนี้ จึงเกิดกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่นขึ้นมาลับๆ เพื่อแย่งชิงอำนาจกลับมาสู่เกาหลีอีกครั้ง และแผนการสุดท้ายที่จะทำคือการนำระเบิดจากเมื่องเซี่ยงไฮ้ เพื่อต่อสู้และโจมตีญี่ปุ่น ที่เข้ามาครอบครองและยึดอำนาจอยู่ศูนย์กลางที่ กรุงโซล แต่แล้วกลับมีผู้ล่วงรู้แผนการนี้และได้เข้าทำการขัดขวางไม่ให้เกิดขึ้นเพื่อแสดงถึงศักยภาพของกองทัพญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม เรื่องราวนี้อาจถูกยับยั้งอีกขั้น เมื่ออดีตกลุ่มต่อต้านที่เป็นลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น ทำงานอยู่ในกรมตำรวจญี่ปุ่น เขารู้แผนการและวิธีการจู่โจม แต่ต้องตัดสินใจเลือกข้างระหว่างหน้าที่และความถูกต้อง เขาจะทำตามสิ่งที่ใจปรารถนาหรือไม่ เกาหลีจะปลดปล่อยตัวเองสำเร็จอย่างไรในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้
The age of shadows เป็นเรื่องราวเมื่อสมัยที่เกาหลียังตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ลีจองชุล เป็นหัวทีมตำรวจชาวเกาหลีที่ทำงานให้กับตำรวจญี่ปุ่น เมื่อมีการสงสัยว่าจะมีสายลับปะปนอยู่ในกองกำลัง เขาจึงพยายามค้นหาว่าสายลับคนนั้นเป็นใคร ซึ่งลี จองชุล สงสัยคิม วูจิน ซึ่งเป็นกองกำลังต่อต้านญี่ปุ่นของเกาหลี แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จนเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเดินทางมายังเซี่ยงไฮ้ เพื่อนำระเบิดที่ถูกขนส่งมาไปใช้ในการระเบิดสำนักงานของญี่ปุ่น อีกฝ่ายหนึ่งก็มาที่เซี่ยงไฮ้เช่นเดียวกันเพื่อหยุดยั้งภารกิจดังกล่าว ต่างฝ่ายต่างก็ชิงไหวชิงพริบ ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างมุ่งมั่น ขณะที่ระเบิดกำลังถูกขนเข้าสู่กรุงโซล
หากเราเข้าใจถึงสาเหตุของการถูกดขี่ เราจะเข้าใจได้ว่าทำไมแรงต่อต้านอย่างหนักจะตามมา โดยที่ไม่ต้องนึกถึงผลว่าจะเป็นอย่างไร ขอเพียงได้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพของประเทศนั่นคือชัยชนะ The Age of Shadows คือดูหนังที่ตีแผ่ความเลวร้ายของสงคราม ที่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยสำหรับ สงครามในฝั่งตะวันออก เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาแน่นอนว่าไม่มีใครอยากรื้อฟื้นความเจ็บปวดขึ้นมาอีก แต่สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่คือชัยชนะของคนที่ได้ต่อสู้ แม้แต่ตัวตายก็ตาม ประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะดีหรือร้ายจะสอนให้เราต้องยืนหยัดและเชื่อมั่นในความถูกต้อง หากตัวตนและจิตวิญญาณถูกครอบงำไปแล้ว ยังไม่สายที่จะกลับมาที่จุดยืนตัวเองได้อีกครั้ง
เป็นหนังที่ฮอลลีวูดที่โรงถ่ายของฮอลลีวูดออกทุนสร้างให้ร้อนกว่าล้านเลยทีเดียว ดังนั้นเรื่องความสมจริงของฉาก ทั้งการระเบิด ไล่ล่า หรือแม้แต่รถไฟ ต่างๆนาๆ นั้นสมจริงอย่างแน่นอน ยิ่งเมื่อถูกเสริมด้วยบทหนังที่พยายามจะแสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันน่าเศร้าในช่วงที่เกาหลียังถูกญี่ปุ่นปกครอง ถือเป็นช่วงคับแค้นใจของชาวเกาหลีเลยทีเดียว ซึ่งทางผู้กำกับเองก็อยากจะสื่อให้เห็นถึงความลำบากใจในช่วงเวลานั้นด้วย นอกจากความสมจริงแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังได้รับการยอมรับในเทศกาลเวนิสก็น่าจะเป็นฝีมือของผู้กำกับอย่างคิมจีวุน ที่เคยสร้างความประทับใจในหนังเกาหลีอย่างเรื่อง I saw the devil มาแล้ว เชื่อว่าหลายคนที่เคยได้ดูจะต้องจำเรื่องราวอันกระแทกใจของหนังเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าเรื่องนี้ทางผู้กำกับก็ไม่น่าจะทำให้ผิดหวังเช่นเดียวกัน ในส่วนของนักแสดงนำอย่างซองกังโฮเองก็เคยร่วมงานกับผู้กำกับอย่างคิมจีวุนมาหลายเรื่องน่าจะรู้ใจรู้สไตล์การทำงานกันเป็นอย่างดี และนักแสดงอย่างกงยูที่ร่วมแสดงในฐานะนักแสดงสมทบก็เป็นอีกคนที่ฝีมือลายมือไม่ธรรมดา เพราะ Train to busan ที่เข้าโรงไปก่อนหน้าก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม เรียกว่าเป็นหนังที่ไร้ที่ติโดยสิ้นเชิง ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะพลาดหนังเรื่องนี้ จริงมั้ย
