Steve Jobs เป็นหนังชีวประวัติคนดังอย่าง Steve Jobs (สตีฟ จ็อบส์) ซึ่งเคยได้รับการถูกสร้างเป็นหนังให้โลดแล่นผ่านจอเงินมาแล้วในปี 2013 นำแสดงโดยพระเอกหนุ่มมาดเซอร์ Ashton Kutcher (แอชตัน คุชเชอร์) นักแสดงหนุ่มชาวอเมริกันชื่อดังในวัย 37 ปี กลับมาครั้งนี้ภายใต้การนำทีมใหม่โดยผู้สร้างจากค่ายหนังยักษ์ใหญ่ Universal Pictures (ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส) หยิบเอาหนังสือขายดีผ่านปลายปากกาของ Walter Isaacson (วอลเตอร์ ไอแซคสัน) เป็นหนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์มาแล้วกว่า 29 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมไปถึงภาษาไทยด้วย โดยในไทยจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ งานเปิดตัวจำหน่ายหนังสือ Steve Jobs โดยวอลเดอร์ ไอแซคสัน ภาคภาษาไทยวันแรกถูกจัดขึ้นกลางห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Terminal21 ซึ่งแน่นอนว่าได้รับเสียงตอบรับอย่างดียอดขายถล่มทลายหนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจริงในช่วงชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ Steve Jobs โดยบางช่วงบางตอน ไอแซคสันเขียนจากการถอดเทปคำสัมภาษณ์นำสิ่งที่ จ็อบส์พูดออกมาเขียนทั้งหมดซึ่งมีการสัมภาษณ์มากกว่า 40 ครั้ง ในระยะเวลา 2 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลง หนังสือเล่มนี้ได้รับการเปิดเผยภายหลังถึงจุดประสงค์ที่มาที่ไปของการเกิดหนังสือเล่มนี้ ว่าเป็นความต้องการของ จ๊อบส์เองที่อยากให้มีหนังสือชีวประวัติของตัวเขาเองมานานหลายปีแล้ว โดยที่ติดต่อให้ Walter Isaacson เป็นผู้ถ่ายทอดเขียนผ่านปลายปากกาเป็นตัวหนังสือให้ โดยเค้าขอให้สื่อสารทั้งหมดออกไปตามความเป็นจริง ซึ่งจ็อบส์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการหว่านล้อมครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะไอแซคสันตอบปฏิเสธการเขียนชีวประวัติของเค้ามาโดยตลอด จนวันหนึ่งที่ จ็อบส์พบว่าตัวเค้าเองล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน เมื่อข่าวการป่วยของจ๊อบส์แพร่สะพัดออกไปรู้ถึงหูไอแซคสัน เค้าจึงรีบติดต่อกลับและตอบตกลงที่จะเขียนหนังสือเล่มนี้ทันทีอย่างไม่มีข้อแม้ เนื่องจากรู้ดีว่าเวลาของจ๊อบส์นั้นเหลือน้อยลงแล้ว
ถูกหยิบประวัติขึ้นมาทำเป็นหนังอีกครั้ง สำหรับบุคคลที่เปลี่ยนเทคโนโลยีของโลกที่แม้จะล่วงลับไปแล้ว แต่ยังอยู่ในความทรงจำ และกลายเป็นประวัติศาสตร์สำคัญหน้าหนึ่งของโลกเลยทีเดียว สำหรับสตีฟ จ๊อบส์ ที่คราวนี้ผู้กำกับแดนนี่ บอยได้ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ มารับบทเจ้าพ่อแอปเปิ้ล ซึ่งฝีมือของเขานั้นทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักแสดงที่เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายของออสการ์ปี 2016 ไปเป็นที่เรียบร้อย ร่วมกับเคท วินสเลต โดยหยิบเอาเรื่องราวจากหนังสือที่ขายดีของวอลเตอร์ ไอแซ็คซันมาร้อยเรียงเป็นบทหนังดราม่าที่จะทำให้คุณไม่มีวันลืมได้อย่างแน่นอน
หนังดราม่าอัตถชีวประวัติของผู้ชายที่เปลี่ยนโลก โดยจะเป็นเหตุการณ์ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของเขาทั้งสามตัว แต่เป็นการนำเสนอที่จะนำพาเราไปรู้จักผู้ชายที่ชื่อ ให้มากขึ้น มิใช้พียงด้านที่เขาเป็นชายผู้เปลี่ยนโลกดิจิตอลเท่านั้น แต่ยังนำเสนอนิสัย ใจคอ และชีวิตการทำงานที่จะทำให้เราได้รู้จักเขามากขึ้น รวมถึงรู้จักสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นผู้เปลี่ยนโลกใบนี้ด้วย เดิมทีหนังเรื่องนี้กำหนดให้ David Fincher (เดวิด ฟินเชอร์) มาเป็นผู้กำกับชีวประวัติเรื่องดังนี้ แต่ ฟิชเชอร์กลับถอนตัวกระทันหัน Universal Pictures จึงได้ติดต่อผู้กำกับมือรางวัลอย่าง Danny Boyle (แดนนี บอยล์) ลงมาคุมการกำกับด้วยตัวเอง ซึ่งการันตีฝีไม้ลายมือได้จากความสำเร็จในการกำกับหนังเรื่องดัง ที่ได้รับเสียงปรบมือชื่นชมอย่างล้นหลามอย่าง Slumdog Millionnaire ในปี 2008 ซึ่งหนังเรื่องนี้กวาดรางวัลในระดับสากลอย่างเวทีออสการ์มากถึง 8สาขาด้วยกัน อีกทั้งยังได้ Aaron Sorkin มาเขียนบทหนังเรื่องนี้ให้ ซึ่งเค้าเคยฝากผลงานการเขียนบทไว้ใน The Social Network คงผ่านหูผ่านตาผู้ชมกันมาบ้างแล้ว ซึ่งเค้าแบ่งหนังออกเป็น 3 ภาคด้วยกันจากการเปิดตัวของ 3 ผลิตภัณฑ์นั่นคือ Macintosh, NeXT (สมัยที่จ๊อบส์ถูกไล่ออกจากแอปเปิล) และผลิตภัณฑ์ตัวที่สามอย่าง iPod โดยเฉลี่ยภาคละ 30 นาที ซึ่งจะเล่าเป็นฉากต่อเนื่องกันไป โดยทั้ง 3 ฉากจะเป็นการดำเนินเรื่องแบบ Real Time เพื่อความสมจริง โดยในหนังเล่าประวัติถึง จ็อบส์ว่าเริ่มฉายแววนักธุรกิจตั้งแต่เขาอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น ซึ่งเขาและสตีฟ วอซเนียก ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลขึ้นมา แล้วต่อมาจึงเปิดตัว Apple I เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่นำออกสู่สายตาชาวโลก ซึ่งในเดือนธันวาคม ปีค.ศ. 1980 นั่นเองแอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ได้กลายมาเป็นบริษัทมหาชน เปิดขายหุ้นให้แก่สาธารณชนผู้สนใจร่วมลงทุนซึ่งประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และเล่าถึงที่มาที่ไปในการพัฒนาเครื่องแมคอินทอช ซึ่งถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นประสานงานผู้ใช้แบบกราฟฟิค ถือว่าเป็นการเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์วงการอุตสาหกรรมเครื่องคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว เพราะความล้ำนำสมัย ที่คิดค้นออกแบบให้นำสัญลักษณ์หรือภาพแทนการใช้งานตัวอักษรในวิธีการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์แบบเดิมๆ ซึ่งถือว่าแมคอินทอชประสบความสำเร็จอย่างมากในปีค.ศ.1984 ซึ่งต่อมา จ็อบส์ถูกบีบให้ลาออกในปี ค.ศ. 1985 เพราะประสบปัญหาขัดแย้งเรื่องอำนาจกับทีมผู้บริหารภายในบริษัท เพราะทุกฝ่ายต่างลงความเห็นว่า จ๊อบส์เป็นคนที่ทำงานด้วยได้ยากลำบากบวกกับบุคลิกแปลกประหลาดและความโมโหร้ายของเค้าเอง หลังจากนั้น จ๊อบส์จึงเริ่มต้นก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ และพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านไอทีต่อไปอย่างไม่ลดละ โดยจ็อบส์ตั้งชื่อว่า Next (เน็กซ์) พร้อมกับเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ลิซ่า แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จและไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ล้ำยุคล้ำสมัยเกินไปและราคาที่สูงลิ่วของ เน็กซ์นั่นเอง และพาร์ท สุดท้ายเล่าถึงผลิตภัณฑ์ตัวที่สามนั่นคือ iPod เครื่องเล่นดนตรีขนาดพกพา ถูกเปิดตัวในปี 2001 เพราะการที่มันยังต้องใช้งานคู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์แมคและราคาที่แพงเกินเข้าถึง ไอพอดจึงไม่ได้รับความนิยมและถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งไอพอดเริ่มต้นใช้เทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ในการเก็บข้อมูลและได้รับการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในรุ่นถัดไปไอพอดใช้หน่วยความจำแบบแฟลชในการบันทึก ไอพอด 2 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากเนื่องจากได้รับการแก้ปัญหาที่ตรงจุด แก้ไขจุดบกพร่องในเรื่องของความยุ่งยากในขั้นตอนการใช้งานและราคา และในต่อมาไอพอดรุ่นแรกถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า ไอพอดคลาสสิก ซึ่งในเวลาต่อมากิจการของแอปเปิลก็ดำเนินต่อไปได้อย่างสวยงาม หากแต่ต่อมาก็เกิดข่าวที่เป็นเรื่องช็อกแก่เหล่าบรรดาแฟนๆสาวกแอปเปิลทั่วโลกถึงการลาออกจากตำแหน่งของ Steve Jobs (สตีฟ จ็อบส์) ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตำนานและทราบข่าวปัญหาทางด้านสุขภาพว่าเค้านั้นตรวจพบว่าตัวเองกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนอย่างคาดไม่ถึง
และในวันที่ 5 ตุลาคม ปี 2011 Steve Jobs (สตีฟ จ็อบส์) ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ในวัย 56 ปี เค้าเป็นที่มาของการพัฒนานวัตกรรมนับไม่ถ้วนและไม่มีที่สิ้นสุด ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ถูกจารึกถึงความอัจฉริยะภาพของ จ๊อบส์ ผู้ที่เป็นตำนานสุดยิ่งใหญ่ของโลก
ถึงแม้ว่าเรื่องราวของสตีฟ จอบส์จะเคยสร้างมาแล้วหลายครั้ง ทั้งนำเสนอควบคู่กับเรื่องราวของบิล เกตส์ และที่นำเสนอแบบเดี่ยวๆเมื่อครั้งที่แอชตัน คุชเชอร์มารับบทเป็นจ๊อบส์ จนหลายคนอาจจะกังวลว่าจะได้ไปดูหนังม้วนเดิม แต่บอกได้เลยว่าให้พับความคิดนั้นทิ้งไป เพราะหากใครได้อ่านหนังสือที่ขายดีของวอลเตอร์ ไอแซ็คและเมื่อรวมกับฝีมือการเขียนบทของ Aaron Sorkin ที่เพิ่งได้รับรางวัลบทหนังยอดเยี่ยมจากเรื่องนี้ในงานลูกโลกทองคำมาหมาดๆ ซึ่งน่าจะพอการันตีคุณภาพของบทหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีว่าไม่น่าจะซ้ำกับสองรอบที่เคยสร้างมานั้นแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นความดราม่าของหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณได้เห็นมิติอีกหลายมิติของชายผู้เปลี่ยนโลกคนนี้ โดยหนังหยิบเอาเบื้องหลังก่อนที่ จสตีฟ จอบส์จะขึ้นเปิดตัวสินค้า ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง น่าจะเป็นเบื้องหลังที่คนมากมายไม่เคยรู้ และอยากจะรู้ ร่วมด้วย เคท วินสเล็ตที่งานนี้ก็สามารถคว้ารางวัลลูกโลกทองคำนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องนี้เช่นเดียวกัน กับบทบาทของ Joanna Hoffman ฝ่ายการตลาดที่ร่วมงานกับ จ็อบมากว่า 20 ปี และดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้ร่วมงานคนเดียวที่เขายอมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากเธอ แน่นอนว่าการแสดงของเคทไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง เรียกได้ว่านี่คือหนังที่รวมบทบาทการแสดงระดับเกรดเอเอาไว้ด้วยกันจนแทบจะล้นจอเลยทีเดียว หนังพร้อมเข้าฉายทุกโรงหนังในประเทศไทย 21 มกราคมนี้ บอกเลยว่าทุกองค์ประกอบของหนังนั้นไม่มีเหตุผลให้พลาดเลยแม้แต่นิดเดียว