Race มาอีกแล้วกับดูหนังอัถชีวประวัติที่จะเรียกความทรงจำของประวัติศาสตร์ออกมาอีกครั้ง โดยคราวนี้หยิบเอาเรื่องราวของเจสซี่ โอเว่นนักวิ่ง 4 เหรียญทองโอลิมปิกที่ทรงอิทธิพลกับคนทั้งโลกมาถ่ายทอด หลังจากที่ ลุค เดยอง เคยนำเรื่องราวของเขามาสร้างเป็นดูหนังสั้นแล้วครั้งหนึ่งในชื่อเรื่อง Tribute to Jesse Owens and Carl Lewis โปรเจคท์หนังยาวจึงถือกำเนิดขึ้น โดยเป็นการรวมตัวของคนหลายคนที่รักและนับถือเจสซี่ โอเว่น ไม่ว่าจะเป็น ฌอง ชาร์ล เลวี หรือสตีเฟน ฮอบกิ๊น รวมไปถึงครอบครัวของเจสซี่เองด้วย โดยได้ โจ แชปเนล และ แอนนา วอเตอร์เฮาส์ มารับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้
เกี่ยวกับหนังน่าดูอย่าง Race
Race บอกเล่าเรื่องราว ณ ช่วงชีวิตหนึ่งของนักวิ่งนามว่า เจสซี่ โอเว่น หากเขาเป้นเพียงนักวิ่งธรรมดาคงไม่มีอะไรน่าจดจำ หากแต่หารคว้าชัยชนะถึงสี่เหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกของเขาเกิดขึ้นเมื่อปี 1936 ณ กรุงเบอร์ลิน ปีที่ฮิตเลอร์ได้ปรามาสไว้ว่าชนชาติของตนเองนั้นสูงส่งกว่าใคร และเป็นปีที่ฮิตเลอร์เป็นเจ้าภาพใหญ่ในการแข่งขันเพื่อจะประกาศความยิ่งใหญ่ของชนชาติตนเอง แต่เจสซี่ โฮเว่นซึ่งเป็นชายผิวสีตัวแทนจากประเทศสหรัฐอมริกาสามารถคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกรีฑาไปได้ถึงสี่เหรียญทอง หักหน้าฮิตเลอร์ในขณะนั้น นำมาซึ่งความสะใจของคนทั้งโลก
เพียงแค่ลุค เดยองเอ่ยว่าจะทำหนังของเจสซี่ โอเว่น หลายคนก็พร้อมจะกระโจนเข้าร่วมโปรเจคท์นี้ทันที แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เจสซี่มีต่อจิตใจของคนทั้งโลกได้เป็นอย่างดี ตัวดูหนังเลือกถ่ายทอดช่วงเวลา ณ วงหนึ่ง มิใช่เล่าตั้งแต่เกิดจนตาย เพราะมองว่ามันค่อนข้างยืดเยื้อไป และอาจจะมีเวลาไม่มากพอที่จะเจาะลึกในประเด็นที่อยากจะนำเสนอ จึงเลือกช่วงเวลา ณ ช่วงหนึ่งที่สำคัญ และเลือกแบ็คกราวด์ของสถานการณ์เป็นช่วงเวลาก่อนสงครามโลกทั้งที่ 2 ยุคที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์เรืองอำนาจ ซึ่งจะทำให้หนังนั้นเข้มข้นและบีบคั้นมากขึ้น ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ค่อนข้างจะเก๋ไก๋ แน่นอนว่าเรื่องราวของฮิตเลอร์ ชายผู้นำที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าแสนจะโหดเหี้ยม ยังไงก็คงไม่มีทางหายไปจากแผ่นฟิล์ม เราน่าจะยังได้ดูหนังที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเขาไปอีกนานแน่นอน แต่การนำชีวประวัติของเจสซี่มาผสมผสานกับเรื่องราวในยุคนั้นก็ดูเป็นอะไรที่แปลกและน่าสนใจดีเหมือนกัน เหมือนเป็นการเปิดอีกมุมมองของเหตุการณ์ในช่วงนั้น ผ่านตัวละครที่ทรงอิทธิพลกับคนทั้งโลก เป็นอะไรที่น่าสัมผัสไม่น้อย หากใครอยากจะลองดูว่าคนที่สามารถหักหน้าฮิตเลอร์ได้ต้องพยายามมากแค่ไหน ก็ไปดูกัน!
