ความสำเร็จของคนเรานำมาซึ่งความภาคภูมิใจ เพราะการได้มาซึ่งความสำเร็จนั้นไม่มีคำว่าง่าย และนี่คือที่มาของ It’s only the end of the world ที่ไม่ง่ายนั้นเพราะปลายทางอาจไม่ใช่ความสุขอย่างที่หวังไว้ ความหวังลึกๆในใจ ความรักความศรัทธาที่อาจไม่ได้สัมผัสถึง เรื่องราวทั้งหมดนี้ ได้รับรางวัลในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ปีที่ผ่านมา เพราะความเฉียบคมในเนื้อหา การเข้าถึงความรู้สึก เข้าถึงความเป็นมนุษย์ รวมถึงความสะเทือนใจที่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้ผู้ชมได้เปิดใจและเข้าใจถึงความรู้สึกของคนที่แตกต่างกัน กำกับการแสดงโดยผู้กำกับหนุ่มอายุน้อยแต่มากความสามารถอย่าง ซาวิเยร์ โดลอง วัย 27 ปี ซึ่งเขาเคยได้รับรางวัล Jury Prize มาแล้วเมื่อปี 2014
เรื่องย่อของหนัง It’s only the end of the world
ความสำเร็จของหลุยส์ นักเขียนไฟแรงที่ได้รับการยอมรับในผลงานจากผู้อ่าน เขาภาคภูมิใจกับมันและหวังว่าความพยายามนี้จะทำให้ชีวิตของเขาดียิ่งขึ้น ในช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จสูงสุด เขาตัดสินใจที่จะกลับบ้านอีกครั้ง หลังจากที่เขาไม่ได้กลับไปกว่า 12 ปี ความคาดหวังที่มีต่อครอบครัวของเขาที่ไม่มากนัก เพียงแต่อยากให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะขาดการติดต่อเป็นเวลานานหลายปี ครอบครัวที่เขาจากมานั้นมีพี่ชายอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิด ในขณะเดียวกันกลับมีพี่สะใภ้อารมณ์ดี ที่ช่วยสร้างสมดุลให้กับครอบครัว แต่พี่สาวของเขานั้นชอบเล่นยา รวมทั้งคุณแม่ผู้รักแฟชั่น โลกของเธอเต็มไปด้วยความสวยงามและเสื้อผ้าที่เธอรัก เขาใช้เวลาไม่นานต่อการตัดสินใจกลับบ้านครั้งนี้ และการเปลี่ยนแปลงในครอบครัวอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขขึ้น และความรู้สึกของคนในครอบครัวจะเป็นอย่างไรเมื่อเห็นเขากลับบ้าน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่เขาต้องบาดหมางกับคนในครอบครัวจนมองหน้ากันไม่ติด ไม่รู้ว่าคนที่บ้านจะประหลาดใจหรือไม่พอใจกันแน่ ซึ่งเกินที่จะคาดเดาได้ เมื่อเขาได้ไปถึงทุกคนต่างประหลาดใจที่เขากลับมาบ้าน แต่การมาของเขาครั้งนี้มีจุดประสงค์สำคัญที่จะบอกทุกคนว่าเขาติดเชื้อ HIV และไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน แต่อย่างน้อยที่สุดในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขาอยากจะใช้ช่วงเวลานี้กับครอบครัว และพร้อมที่จะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับคนในครอบครัวอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้น เขาจะรับมือกับความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตนี้ได้อย่างไร และความสัมพันธ์ที่ดีในความคิดของเขาจะเป็นเป็นจริงได้หรือไม่ ติดตามได้ใน It’s only the end of the world
เป็นเรื่องที่ชื่นชมสำหรับผู้กำกับอายุน้อยที่ ที่สามารถพาภาพยนตร์ของเขาเข้าชิงรางวัลชนะเลิศมาแล้วหลายเวที และผลงานล่าสุดของเขา ต่างเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และมีการพูดถึง ซึ่งมีทั้งคำชื่นชมและการติชม ถึงมุมมองการกำกับภาพยนตร์ของเขา ที่มีเสียงแบ่งแยกชัดเจน ทั้งประเด็น เนื้อหา และเทคนิคการถ่ายทำ แต่อย่างน้อยเขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าอายุ 27 ปี ของเขาไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาหนักหน่วงและต้องใช้ประสบการณ์โชกโชน เพียงแต่ต้องมีมุมมองและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของตัวละคร It’s only the end of the world อาจทำให้เราได้รู้จักเนื้อแท้ของความเป็นมนุษย์ ในทุกๆสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์เพียงใด ก็ต้องยืนหยัดด้วยตัวเองให้ได้ ถึงแม้มันจะไม่ง่ายเลยก็ตาม
