“The End”: บทเพลงแห่งหายนะ สะท้อนเงาแห่งมนุษยชาติ

"The End": บทเพลงแห่งหายนะ สะท้อนเงาแห่งมนุษยชาติ

ภาพยนตร์เรื่องใหม่จากผู้กำกับ โจชัว ออปเพนไฮเมอร์ *The End* ไม่ใช่แค่เพียงภาพยนตร์หลังหายนะธรรมดา แต่เป็นบทเพลงแห่งความสิ้นหวังที่บรรเลงด้วยท่วงทำนองอันแสนเศร้า นำแสดงโดยนักแสดงระดับแถวหน้าอย่าง ทิลดา สวินตัน, ไมเคิล แชนนอน และ จอร์จ แม็คเคย์ ซึ่งรับบทเป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในบังเกอร์ใต้ดิน ได้รับการสนับสนุนจากอดีตเจ้าพ่ออุตสาหกรรมน้ำมัน รับบทโดย แชนนอน เอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ เปรียบเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนให้เห็นจิตวิญญาณอันบอบช้ำของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน เผาผลาญและสร้างรอยแผลลึกไว้ในใจผู้ชม

แม้เรื่องราวจะเกิดขึ้นในโลกหลังวันสิ้นโลก แต่ ออปเพนไฮเมอร์ กลับมองว่าเรายังไม่ถึงจุดนั้น *The End* จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นคำเตือน เป็นเสียงกระซิบหวังที่ส่งไปยังใจผู้คน หวังว่ายังมีใครบางคนรับฟังและมีเวลาที่จะเปลี่ยนแปลง ผู้กำกับกล่าวว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นนิทานเตือนใจ และเช่นเดียวกับนิทานเตือนใจอื่นๆ มันถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความหวัง ด้วยความเชื่อว่ายังมีผู้คนที่จะรับฟังคำเตือน และยังมีเวลาที่จะเปลี่ยนแปลง”

*The End* ไม่ได้หยุดอยู่แค่การพรรณนาถึงจุดจบของโลก แต่ยังขุดลึกลงไปถึงพฤติกรรมของมนุษย์ที่นำไปสู่หายนะ มันเป็นเครื่องเตือนใจว่า เราทุกคนต่างอาศัยอยู่ในบังเกอร์ที่เราสร้างขึ้นด้วยมือของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นบังเกอร์แห่งความมั่งคั่ง บังเกอร์แห่งความสะดวกสบาย หรือบังเกอร์แห่งความเพิกเฉย ภาพยนตร์เรื่องนี้ ตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบ การหลอกตัวเอง และอาจเป็นแผนที่นำทางสู่เส้นทางใหม่ เส้นทางที่อาศัย *ความเห็นอกเห็นใจ* เป็นรากฐาน

ออปเพนไฮเมอร์ เปรียบเสมือนศิลปินที่มองเห็นความมืดมน ไม่ใช่แค่เพียงอยู่เบื้องหน้า แต่มาจากภายในจิตใจของเราเอง เขาอธิบายว่า “สิ่งที่กระตุ้นให้ฉันสร้างภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์สารคดีหรือภาพยนตร์สมมติ คือความปรารถนาที่จะรู้ว่าการเป็นคนนั้นเป็นอย่างไร คุณทำได้ก็ต่อเมื่อมีความเห็นอกเห็นใจ การชี้หน้าด่าและรู้สึกเหนือกว่าจะไม่ทำให้คุณเข้าใกล้ความจริง”

เขาเสริมว่า “เราทุกคนล้วนมีความผิดร่วม ไม่ใช่แค่ครอบครัวร่ำรวยที่อาศัยอยู่ในบังเกอร์ เมื่อเราอ่านข่าวเกี่ยวกับผู้คนนับพันที่จมน้ำตายในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พยายามหนีจากความยากลำบากที่เรารู้เห็นเป็นใจและได้รับประโยชน์จากมัน เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้เราได้พลังงานราคาถูก เสื้อผ้าราคาถูก สินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก อาหารราคาถูก แล้วเราก็อนุญาตให้ตัวเองหันหลังและไปทำอะไรที่สบายกว่า นั่นแหละคือการสร้างบังเกอร์ให้กับตัวเอง”

คำพูดของออปเพนไฮเมอร์ สะท้อนให้เห็นถึงความจริงอันเจ็บปวด ที่เราหลายคนใช้ชีวิตอย่างสุขสบายท่ามกลางความทุกข์ทรมานและความอยุติธรรม และเพลิดเพลินไปกับการหลอกตัวเอง *The End* จึงไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ แต่เป็นคำถาม คำถามที่สะท้อนกลับมาหาตัวเราเอง ว่าเรากำลังสร้างบังเกอร์แบบไหนอยู่ และเรามีส่วนร่วมกับหายนะอย่างไร ภาพยนตร์เรื่อง *The End* เข้าฉายแล้วเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา จากค่าย NEON

ที่มา : movieweb.com

ก่อนหน้า รองเท้าแก้วแห่งตำนาน! “รองเท้ารูบี้” จาก “ผู้วิเศษแห่งอ๊อซ” ทุบสถิติราคาขายสูงสุดของโลก
ถัดไป เคียวนู รีฟส์ ในบทเงาแห่งการล้างแค้น: เสน่ห์ดาราฮอลลีวูดพลิกบทบาทสู่จักรวาลโซนิค 3